Back to Rule Again คือมังงะแนวแฟนตาซีดราม่าเข้มข้นที่นำเสนอเรื่องราวการแก้แค้นเชิงการเมืองในโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ การชิงอำนาจ และความทรยศ เรื่องเริ่มต้นด้วยเหตุการณ์อันโหดร้ายเมื่อองค์ชายผู้สูงศักดิ์ถูกคนใกล้ตัวหักหลังและผลักให้ตกสู่จุดต่ำสุด แต่แทนที่เรื่องราวจะจบลงด้วยความตาย ชะตากลับหักเหพาเขาย้อนเวลากลับมา เพื่อให้โอกาสครั้งใหม่ในการเขียนประวัติศาสตร์ด้วยมือของเขาเอง และครั้งนี้เขาจะไม่ยอมเป็นเหยื่ออีกต่อไป
เมื่อความตายไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของราชาผู้กลับมา
หัวใจหลักของ Back to Rule Again อยู่ที่การเดินทางของไคลน์ อาร์วิน องค์ชายผู้เคยยืนอยู่บนเส้นทางสู่บัลลังก์ แต่กลับถูกทรยศโดยคนที่เขารักและเชื่อใจที่สุด ในคืนที่จักรวรรดิต้องจารึกด้วยเลือด ไคลน์ถูกประหารต่อหน้าปวงชน ถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏ ถูกทำลายทั้งเกียรติและชีวิต การล่มสลายของเขาไม่เพียงเป็นจุดจบขององค์ชาย หากแต่เป็นสัญลักษณ์ของความพ่ายแพ้ต่ออำนาจและความตะกละของมนุษย์
แต่ทว่า ความตายกลับไม่ใช่บทสุดท้าย เสี้ยววินาทีก่อนสติจะดับลง เขาพบว่าตนเองย้อนกลับมาในร่างเดิมเมื่อห้าปีก่อนคืนหายนะ นี่คือโอกาสที่ฟ้าประทาน หรืออาจจะเป็นคำสาปก็ได้ แต่สำหรับไคลน์แล้ว มันคือโอกาสที่เขาจะทวงคืนทุกสิ่งที่เคยสูญเสียไป
การย้อนเวลากลับมาไม่ได้ทำให้เขาอ่อนแอ หรือใจดีเหมือนเคย เขาเรียนรู้จากความตาย เขาเห็นเบื้องหลังการทรยศทั้งหมด และเขารู้ดีว่าศัตรูของเขาไม่ได้อยู่ภายนอก หากแฝงอยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่คิด ไคลน์จึงเลือกเดินบนเส้นทางใหม่ เส้นทางแห่งราชาเงาผู้วางแผนจากความมืด ใช้อนาคตที่ตนรู้เป็นอาวุธ และค่อยๆ ฉีกหน้ากากของคนที่เคยไว้ใจทีละคนอย่างใจเย็น
เสน่ห์ของ Back to Rule Again อยู่ที่เกมการเมืองและความเย็นชาที่งดงาม
สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้โดดเด่นไม่ใช่แค่พล็อตย้อนเวลา แต่คือการวางหมากของไคลน์ที่สุขุม ลึก และโหดเหี้ยมขึ้นทุกขณะ เขาไม่ใช่ตัวละครประเภทผู้กล้าผู้กลับมาเพื่อปกป้องใคร แต่เป็นราชาที่กลับมาเพื่อยึดอำนาจคืนจากทุกคนที่เคยหักหลังเขา การกระทำของเขาสะท้อนถึงบาดแผลในอดีตที่ลึกเกินกว่าจะรักษาด้วยความอ่อนโยน เขาเลือกใช้ความเฉียบแหลม ความรู้อนาคต และการคำนวณอย่างเย็นชามาเป็นอาวุธแทนดาบหรือเวทมนตร์
ขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครก็ซับซ้อนเกินกว่าที่เห็น ในอดีตเขาเคยเชื่อใจคนบางคน เคยมอบความรักให้คนบางคน และเคยวางใจให้บางคนปกป้องเขา แต่เมื่ออนาคตเผยให้เห็นความจริงว่าคนเหล่านั้นมีส่วนในการทำลายเขา มันทำให้ความอบอุ่นในอดีตกลายเป็นยาพิษ ไคลน์ย้อนกลับมาไม่ใช่เพื่อฟื้นมิตรภาพ แต่เพื่อมองคนเหล่านั้นในมุมที่ต่างไป และใช้พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งในแผนใหญ่ของตน
อีกสิ่งที่น่าสนใจคือการตีความพลังเหนือธรรมชาติในเรื่องนี้ แม้จะมีเวทมนตร์ มีพลังลี้ลับ มีตำนานมากมายในจักรวรรดิ แต่ทั้งหมดนี้ถูกใช้เพื่อเสริมพลังให้การเมืองและการแย่งชิงอำนาจดูน่าสะพรึงยิ่งขึ้น โลกในเรื่องไม่ได้โรแมนติกหรือสวยงาม แต่มันเป็นสงครามที่ทั้งฝ่ายมนุษย์และเหนือมนุษย์ต่างแย่งชิงทุกสิ่งเพื่อความอยู่รอด
ในทุกตอน คนอ่านจะรู้สึกเหมือนกำลังก้าวเข้าสู่กระดานหมากรุกขนาดใหญ่ ที่ทุกตัวละครมีความสำคัญ มีอดีต มีแรงผลักดัน และมีบทบาทที่จะส่งผลต่อเส้นทางใหม่ของไคลน์ การเดินเกมของเขาไม่เคยสะเปะสะปะ ทุกก้าวมีเป้าหมาย และทุกการเผชิญหน้าคือการตอกย้ำว่าครั้งนี้เขาจะไม่ยอมเป็นเบี้ยอีกต่อไป
สำหรับด้านการเล่าเรื่อง ผู้เขียนใช้จังหวะอย่างรอบคอบ เปิดเผยข้อมูลสำคัญในเวลาที่เหมาะสม ทำให้ผู้อ่านทั้งสงสัย ทั้งลุ้น ทั้งหวั่นใจว่าสิ่งที่ไคลน์กำลังจะทำจะนำพาไปสู่เส้นทางแบบใด ความดราม่าผสานกับความโรแมนซ์เล็กๆ ในบางตอนทำให้ตัวละครมีมิติยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อความรักในอดีตยังหลงเหลือปะปนอยู่กับความเจ็บปวด
งานภาพของเรื่องให้บรรยากาศโกธิก น่าเกรงขาม และทรงพลัง การออกแบบฉากวังหลวง เครื่องแต่งกาย และบรรดาตัวละครช่วยเน้นย้ำความรุ่งเรืองที่ซ่อนความเน่าเฟะของอาณาจักรนี้ไว้ได้เป็นอย่างดี ยิ่งทำให้การแก้แค้นของไคลน์ดูยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยแรงขับเคลื่อนทางอารมณ์
ท้ายที่สุด Back to Rule Again ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเล่าย้อนเวลาแก้แค้น แต่เป็นการตั้งคำถามกับอำนาจ ความไว้วางใจ และความทุจริตของมนุษย์ มันทำให้คนอ่านได้เห็นว่าการเป็นราชาไม่ได้หมายถึงการมีบัลลังก์ หากหมายถึงการควบคุมเกมที่คนอื่นไม่เคยรู้ว่ากำลังเล่นอยู่ และครั้งนี้ไคลน์กลับมาพร้อมเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือการครองทุกสิ่งด้วยมือของตนเอง